กระจกนาฬิกาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของนาฬิกา ซึ่งหากถามว่ากระจกนาฬิกาใช้ทำอะไร Timethai by Tag ที่เป็นร้านนาฬิกาของแท้มือสองก็ต้องขอบอกเลยว่า กระจกนาฬิกา คือสิ่งที่ทำหน้าที่ปกป้องหน้าปัดนาฬิกาจากสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และรอยขีดข่วน รวมถึงกลไกภายในนาฬิกาไม่ให้เกิดความเสียหาย
โดยวัสดุที่ใช้ทำกระจกนาฬิกาข้อมือก็จะมีหลากหลายแบบด้วยกันและแต่ละแบบก็มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์ที่ตอบโจทย์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งนี้กระจกนาฬิกา Glass Watch ยังมีรูปทรงและขนาดที่แตกต่างกันไปอีกด้วย ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับการออกแบบของนาฬิกาแต่ละรุ่น โดยทั่วไปแล้ว กระจกนาฬิกาจะมีรูปทรงกลมหรือสี่เหลี่ยม และมีขนาดตั้งแต่ 20 – 40 มิลลิเมตร
กระจกนาฬิกาบนหน้าปัดนาฬิกามีกี่แบบ แต่ละแบบเป็นแบบไหน
สงสัยกันไหมว่ากระจกที่เราเห็นกันบนหน้าปัดนาฬิกามีอยู่กี่แบบ? จริง ๆ แล้วกระจกนาฬิกาที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือนั้น แท้จริงแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 3 แบบหลัก ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีรายละเอียด ดังนี้
กระจกนาฬิกาอะคริลิก (Acrylic)
กระจกนาฬิกาอะคริลิกเป็นวัสดุประเภทพลาสติกใส นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในนาฬิกาที่มีราคาไม่สูง เช่น นาฬิกาพลาสติก หรือนาฬิกาสปอร์ต เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ น้ำหนักเบา และทนทานต่อแรงกระแทก แต่ก็ยังมีความแข็งน้อยกว่ากระจกแซฟไฟร์ จึงมีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่า โดยกระจกอะคริลิกมีความแข็งระดับ 2-4 โมห์ส ในขณะที่กระจกมิเนอรัลมีความแข็งระดับ 5-7 โมห์ส และกระจกแซฟไฟร์มีความแข็งระดับ 9 โมห์ส ซึ่งอาจทำให้ดูไม่สวยงามและอาจทำให้มองเห็นหน้าปัดไม่ชัดเจน
-
- ตัวอย่างของแบรนด์นาฬิกาที่มักใช้กระจกนาฬิกาอะคริลิกเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ นาฬิกาพลาสติกหรือนาฬิกาสปอร์ต เช่น Casio, G-Shock, Swatch, และ Timex เป็นต้น
กระจกนาฬิกามิเนอรัล (Mineral)
กระจกนาฬิกามิเนอรัลเป็นวัสดุประเภทแก้วและเป็นกระจกนาฬิกา Glass Watch ที่มีคุณสมบัติอยู่ระหว่างอะคริลิกและแซฟไฟร์ ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่าอะคริลิก แต่มีความแข็งน้อยกว่าแซฟไฟร์ จึงยังทำให้มีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนได้อยู่ โดยกระจกมิเนอรัลมีความแข็งระดับ 5-7 โมห์ส นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของนาฬิกาที่มีราคาระดับกลาง เช่น นาฬิกาข้อมือทั่วไป นาฬิกาดำน้ำ หรือนาฬิกาสปอร์ต เนื่องจากมีราคาไม่สูงมาก และมีความแข็งแรงทนทานกว่ากระจกอะคริลิก
-
- ตัวอย่างของแบรนด์นาฬิกาที่มักใช้กระจกนาฬิกามิเนอรัลเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ นาฬิกาข้อมือทั่วไป เช่น Seiko, Citizen, และ Tissot เป็นต้น
กระจกนาฬิกาแซฟไฟร์ (Sapphire)
กระจกนาฬิกาแซฟไฟร์เป็นวัสดุประเภทคริสตัลสังเคราะห์ มีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด แทบไม่เกิดรอยขีดข่วน โดยกระจกแซฟไฟร์มีความแข็งระดับ 9 โมห์ส ซึ่งหมายความว่ามีความแข็งมากพอที่จะทนต่อการขีดข่วนจากวัสดุ นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของนาฬิกาหรู อย่าง นาฬิกาสวิส เนื่องจากมีความแข็งมากที่สุดและดูหรูหราสวยงาม แต่ราคาจะค่อนข้างสูงกว่ากระจกนาฬิกา Glass Watch แบบอื่น ๆ
-
- ตัวอย่างของแบรนด์นาฬิกาที่มักใช้กระจกนาฬิกาแซฟไฟร์ ได้แก่ นาฬิกาสวิส เช่น Rolex, Patek Philippe, และ Omega เป็นต้น
ตารางสรุปจุดเด่นของกระจกนาฬิกาทั้ง 3 แบบ
คุณสมบัติ | กระจกนาฬิกาอะคริลิก (Acrylic) | กระจกนาฬิกามิเนอรัล (Mineral) | กระจกนาฬิกาแซฟไฟร์ (Sapphire) |
วัสดุ | พลาสติก | แก้ว | แก้วสังเคราะห์ |
ความแข็ง | 3-4 โมห์ส | 5-7 โมห์ส | 9 โมห์ส |
ทนรอยขีดข่วน | ไม่ทน | ทนกว่าอะคริลิก | ทนที่สุด |
ความใส | ใสน้อยที่สุด | ใสกว่าอะคริลิก | ใสที่สุด |
ราคา | ราคาถูกที่สุด | ราคาแพงกว่าอะคริลิก | ราคาแพงที่สุด |
หลังจากที่ได้รู้จักกับกระจกนาฬิกาทั้ง 3 แบบกันไปแล้ว Timethai by Tag ซึ่งเป็นร้านนาฬิกามือสองแบรนด์หรูต้องบอกเลยว่านอกจากวัสดุที่นำมาใช้ทำกระจกนาฬิกา Glass Watch ตัวของกระจกหน้าปัดนาฬิกายังมีรูปแบบอื่น ๆ อีกด้วย โดยรูปแบบของกระจกนาฬิกาที่เป็นส่วนของหน้าปัดนั้นสามารถแบ่งได้อีกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะของรูปทรงและขอบกระจก ได้แก่
กระจกหน้าปัดแบบแบน (Flat)
กระจกนาฬิกาที่มีรูปทรงแบนราบ ไม่มีขอบโค้งมนหรือมุมใด ๆ ซึ่งเป็นรูปแบบกระจกนาฬิกาที่พบเห็นได้ทั่วไปในนาฬิกาข้อมือหลายรุ่น มีข้อดีคือมีความทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี แต่อาจทำให้มองเห็นหน้าปัดไม่ชัดเจนเท่ากับกระจกนาฬิกาแบบอื่น ๆ
กระจกหน้าปัดแบบโค้ง (Curved)
กระจกนาฬิกาที่มีรูปทรงโค้งมน นิยมใช้กับนาฬิกาข้อมือที่มีหน้าปัดขนาดใหญ่ เพื่อให้ดูกลมกลืนและสวยงามยิ่งขึ้น มีข้อดีคือทำให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจนขึ้น แต่อาจทำให้กระจกนาฬิกาแตกได้ง่ายกว่ากระจกหน้าปัดแบบแบน
กระจกหน้าปัดแบบเว้า (Bezel)
กระจกนาฬิกาที่มีรูปทรงเว้าเข้าด้านใน นิยมใช้กับนาฬิกาข้อมือที่มีหน้าปัดขนาดเล็ก เพื่อให้ดูมีมิติและหรูหรายิ่งขึ้น จุดเด่นคือทำให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจนขึ้น แต่อาจทำให้กระจกนาฬิกาแตกได้ง่ายกว่ากระจกหน้าปัดแบบแบน
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะกระจกนาฬิกาข้อมือยังสามารถแบ่งออกได้เป็นรูปแบบอื่น ๆ ตามลักษณะของการออกแบบและการตกแต่งเพิ่มเติมของกระจกนาฬิกาได้อีกด้วย เช่น
- กระจกหน้าปัดแบบเคลือบสารกันรอย (Anti-reflective) เป็นกระจกนาฬิกาที่มีสารเคลือบพิเศษที่ช่วยลดการสะท้อนของแสง ทำให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- กระจกหน้าปัดแบบเคลือบสารกันรอยขีดข่วน (Scratch-resistant) เป็นกระจกนาฬิกาที่มีสารเคลือบพิเศษที่ช่วยลดการเกิดรอยขีดข่วน ทำให้กระจกนาฬิกามีความทนทานมากขึ้น
- กระจกหน้าปัดแบบเคลือบสารกันแสง (Photochromic) เป็นกระจกนาฬิกาที่มีสารเคลือบพิเศษที่เปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแสงแดด ทำให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในที่ร่ม
จะเห็นได้ว่า นอกจากการแบ่งประเภทของกระจกนาฬิกาด้วยวัสดุแล้วนั้น กระจกนาฬิกา คือส่วนของหน้าปัดนาฬิกาที่สามารถแบ่งประเภทได้ตามลักษณะของรูปทรงและขอบกระจก รวมถึงการออกแบบและการตกแต่งเพิ่มเติมของกระจกนาฬิกาได้อีกด้วย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกระจกนาฬิกา Glass Watch ในรูปแบบไหนกระจกนาฬิกาก็เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญที่ช่วยปกป้องหน้าปัดนาฬิกาจากรอยขีดข่วนและความเสียหายได้ในระดับหนึ่ง
วิธีดูแลกระจกนาฬิกาให้นาฬิกาสามารถใช้งานได้ยาวนาน
สำหรับใครที่ได้ลงทุนซื้อนาฬิกากับร้านนาฬิกาหรูมือสองเพื่อเก็บสะสม หรือเพื่อสวมใส่ในชีวิตประจำวัน คงไม่มีใครอยากให้นาฬิกาที่ซื้อมานั้นเสียหายอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากการใช้งานอย่างทะนุถนอมแล้ว การดูแลรักษากระจกนาฬิกาอย่างเหมาะสมยังช่วยให้นาฬิกาใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น โดยเราสามารถดูแลกระจกนาฬิกาได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง ดังนี้
✔ หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือตก
ด้วยความที่กระจกนาฬิกาเป็นวัสดุที่มีความเปราะบางจึงควรหลีกเลี่ยงและระวังการกระแทกหรือตก เพราะอาจทำให้กระจกเป็นรอยร้าวหรือแตกได้
✔ ไม่สัมผัสกับสารเคมี
สารเคมีบางชนิด เช่น น้ำยาทำความสะอาด น้ำยาล้างจาน หรือน้ำทะเล อาจทำให้กระจกนาฬิกาเสียหายได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้
✔ ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ควรทำความสะอาดกระจกนาฬิกาอย่างสม่ำเสมอด้วยผ้านุ่มชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อขจัดคราบสกปรกและฝุ่นละอองที่เกาะติดบนกระจก
✔ เคลือบสารกันรอยขีดข่วน
การใช้สารกันรอยขีดข่วนจะช่วยปกป้องกระจกนาฬิกาจากการขีดข่วน หรือร่องรอยเล็ก ๆ ต่าง ๆ ได้
นอกจากนี้ ยังควรหมั่นตรวจเช็กสภาพกระจกนาฬิกาอยู่เสมอ หากพบว่ากระจกนาฬิกา Glass Watch มีรอยขีดข่วนหรือเสียหาย Timethai by Tag ขอแนะนำว่าควรรีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนกระจกใหม่ทันที เพื่อไม่ให้รอยขีดข่วนนั้นขยายใหญ่และทำให้กระจกเสียหายมากขึ้น
ในกรณีที่กระจกนาฬิกา Glass Watch มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย สามารถใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ หรือใช้น้ำยาขัดแว่นเช็ดเบา ๆ ก็ได้ แต่หากรอยขีดข่วนของกระจกนาฬิกา คือรอยที่ลึกหรือมีรอยแตก ควรรีบนำนาฬิกาไปซ่อมแซมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความรุนแรงของกระจกนาฬิกาที่มีรอยและหาทางแก้ไขได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที