Rolex ประวัติ ทำไมถึงเป็นนาฬิกาที่น่าสะสม

Rolex ประวัติของนาฬิกาที่น่าสะสม

Rolex ประวัตินาฬิกาสุดคลาสสิกที่น่าสะสม

Rolex ประวัติแบรนด์เนมนาฬิกาสุดหรูที่น่าสะสมมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง? อย่างที่หลาย ๆ คนรู้กันว่าประวัติ Rolex นั้นมีมาอย่างยาวนาน ด้วยประวัตินาฬิกา Rolex การใช้วัสดุมาตรฐานสูง การผลิตที่แม่นยำ และความพิเศษในการออกแบบ ทำให้ Rolex เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก ทั้งนาฬิกาโรเล็กซ์มือหนึ่งและนาฬิกาโรเล็กซ์มือสอง ไม่ว่าจะเพื่อสวมใส่เพื่อแสดงถึงฐานะ หรือเพื่อการลงทุนก็ตาม

โดยเมื่อพูดถึงเรื่องราวของ Rolex ประวัติอันยาวนานของนาฬิกา Rolex แน่นอนว่าแบรนด์นี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนที่จะเป็นนาฬิกา Rolex ที่มีชื่อเสียงอย่างในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ซึ่งหากใครสงสัยว่าทำไม Rolex ถึงกลายเป็นแบรนด์หรูชื่อดังที่คนทั่วโลกรู้จัก ลองมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กับ TimeThai ในบทความนี้กันเลยดีกว่า 

Rolex ประวัติความเป็นมาจากแบรนด์เล็ก ๆ สู่แบรนด์ระดับโลก

จริง ๆ แล้วเรื่องราวของ Rolex ที่ทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงระดับโลกและทำให้เหล่านักลงทุนนาฬิกาโรเล็กซ์มือสองตัดสินใจที่จะลงทุนในนาฬิกาแบรนด์นี้ นั่นก็คือเรื่องของวัสดุคุณภาพที่ใช้ผลิตนาฬิกาและเรื่องราวจากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษนั่นเอง 

เรื่องราวของ Rolex ประวัติความเป็นมาที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Rolex นั้น มีจุดเริ่มต้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1905 Hans Wilsdorf และ Alfred Davis ที่เป็นพี่เขยได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนเพื่อก่อตั้งแบรนด์นาฬิกาของตัวเองขึ้น โดยเป็นแบรนด์เล็ก ๆ แบรนด์หนึ่งที่มีชื่อว่า WILSDORF & DAVIS ซึ่งจุดมุ่งหมายของแบรนด์ก็คือการผลิตนาฬิกาคุณภาพสูงที่มีความแม่นยำในราคาที่เหมาะสม 

โดยในช่วงแรก Hans Wilsdorf ได้เลือกผู้ผลิตเครื่องมือที่เป็นส่วนประกอบของนาฬิกาจากเมือง Biel/Bienne ในสวิตเซอร์แลนด์ อย่าง Aegler ให้ผลิตและจัดส่งเครื่องมือที่สำคัญต่อการผลิตนาฬิกา เนื่องจากนาฬิกา SWISS MADE หรือนาฬิกาจากสวิส ขึ้นชื่อเรื่องความประณีตในการประกอบชิ้นส่วนจากช่างผู้เชี่ยวชาญ เรียกได้ว่าตอบโจทย์จุดมุ่งหมายของแบรนด์ในการผลิตนาฬิกาคุณภาพสูงได้อย่างดี 

เมื่อได้ชิ้นส่วนนาฬิกาจาก Aegler และได้ทำการประกอบเป็นนาฬิกาเรียบร้อย ก่อนนำไปจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ WILSDORF & DAVIS ก็จะมีการสลักตัวอักษรที่เป็นโลโก้ของแบรนด์ อย่าง W&D ไว้ที่ด้านหลังของตัวเรือนนาฬิกา ด้วยความแม่นยำและการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการผลิตนาฬิกา จึงเกิดเป็นรากฐานที่สำคัญของนาฬิกา Rolex อย่างในปัจจุบัน

ที่มาของชื่อ Rolex ที่โลกจดจำ

เมื่อผ่านไปสักระยะ Hans Wilsdorf ก็ได้ยุติสัญญากับ Aegler แล้วหันมาคิดค้นและผลิตนาฬิกาภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ต่อมาตัวของ Hans Wilsdorf ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องตั้งชื่อแบรนด์ใหม่ให้คนทั่วไปจดจำและอ่านได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็ได้คิดไว้หลายชื่อมาก ๆ แต่ก็ยังไม่มีชื่อไหนที่ถูกใจสักที แต่ในระหว่างที่นั่งรถม้าชมเมืองอยู่นั้น Hans Wilsdorf ก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ เข้ามาในหูว่า “Rolex” ด้วยคำที่สามารถออกเสียงได้ง่าย สั้น กระชับ ไม่ยาวจนเกินไป ทำให้ในปี ค.ศ. 1908 ชื่อ Rolex ได้รับการจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าอย่างเป็นทางการ และนั่นจึงกลายเป็นที่มาของชื่อ Rolex ประวัติความเป็นมาที่เป็นจุดเริ่มต้น Rolex นั่นเอง 

ด้วยความที่ Hans Wilsdorf ใส่เรื่องความแม่นยำ เที่ยงตรงของนาฬิกา รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตมาก ๆ  ในปี ค.ศ. 1910 Rolex ได้กลายเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่มีใบรับรองความเที่ยงตรงในการทำงานของนาฬิกาจักรกล Swiss Certificate of Chronometric Precision จากสถาบันที่มีชื่อว่า C.O.S.C (Controle Officiel Suisse Des Chronometer) ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ทำให้ Rolex เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ในปีต่อมา Rolex ได้ย้ายการดำเนินงานไปที่ Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยังคงมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางการเดินทางที่สำคัญกว่าจะมาเป็นเรื่องราวประวัตินาฬิกา Rolex ที่คนทั่วโลกต่างรู้จัก

Rolex ประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ “นาฬิกากันน้ำเรือนแรก” 

ในปี 1926 อุตสาหกรรมนาฬิกาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้แบรนด์ Rolex คิดค้นเคสกันน้ำขึ้นมาจนกลายเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่สามารถกันน้ำได้ โดยมีชื่อ “Rolex Oyster นาฬิกาเรือนนี้ผ่านการทดสอบการกันน้ำขั้นสูงสุดในปี 1927 โดย Mercedes Gleitze นักว่ายน้ำมือsหญิงอาชีพชาวอังกฤษที่ได้สวมใส่ Rolex Oyster ว่ายน้ำผ่านช่องแคบอังกฤษเป็นเวลากว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่านาฬิกาก็ยังคงบอกเวลาได้อย่างแม่นยำและทำงานได้ตามปกติเหมือนเดิม ทาง Rolex จึงได้เริ่มลงข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคุณสมบัติกันน้ำของนาฬิกา ซึ่งนวัตกรรมที่โดดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้ ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์นาฬิกา Rolex เติบโตอย่างรวดเร็วและผู้คนก็เริ่มหันมาสนใจนาฬิกาแบรนด์เล็ก ๆ นี้มากขึ้น นับว่ากลายเป็นประวัติ Rolex ที่เป็นตำนานบทใหม่เลยทีเดียว นอกจากนี้ Rolex Oyster ยังมีการใช้เครื่องมือสำหรับป้องกันฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในขั้นตอนการผลิต ซึ่งช่วยให้การผลิตนาฬิกาของ Rolex มีคุณภาพและความแม่นยำสูงขึ้น จะเห็นได้ว่านาฬิกากันน้ำเรือนแรกของ Rolex ประวัติไม่ธรรมดาเลย เพราะสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับตัวแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่คนทั่วโลกจดจำอย่างทุกวันนี้

Rolex ประวัติศาสตร์ของการเป็นต้นแบบนาฬิกาไขลานอัตโนมัติของโลก

เพียงไม่กี่ปีหลังจากพัฒนา Rolex Oyster ที่เป็นนาฬิกากันน้ำเรือนแรก Rolex ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและพัฒนากลไกไขลานอัตโนมัติด้วยโรเตอร์ Perpetual และจดสิทธิบัตรเป็นครั้งแรกของโลกในปี 1931 ซึ่งตัวโรเตอร์จะมีรูปทรงครึ่งวงกลมติดตั้งอยู่บนกลไกของนาฬิกา สามารถหมุนได้ 360 องศา เมื่อสวมใส่นาฬิกาตัวโรเตอร์จะสร้างพลังงานให้กับ Mainspring ทำให้นาฬิกาสามารถทำงานได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ หรือเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เรียกได้ว่าโรเตอร์ Perpetual ของ Rolex เป็นต้นแบบที่ทำให้เกิดเป็นนาฬิกาแบบ Auto ช่วยให้ผู้ใส่ไม่ต้องคอยขึ้นลานนาฬิกาเองด้วยมือ เพราะตัวนาฬิกาสามารถขึ้นลานได้เอง นับเป็นนวัตกรรมนี้เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่สำคัญและได้รับการนับถืออย่างมากในวงการนาฬิกา เรียกได้ว่านาฬิกาแต่ละเรือนของ Rolex ประวัติศาสตร์มีที่มาที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว 

Rolex ประวัติศาสตร์การก้าวสู่ยุคแห่งความรุ่งเรือง

ประวัติ Rolex ที่สร้างชื่อเสียงไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เพราะ Rolex ได้เข้าสู่ยุคที่รุ่งเรืองที่สุด ในปี 1950 ซึ่งได้มีการเปิดตัว Rolex Submariner นาฬิกาเรือนแรกที่ออกแบบมาเพื่อการดำน้ำโดยเฉพาะ โดย Submariner สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร ที่มาพร้อมขอบหน้าปัดที่หมุนได้ ซึ่งช่วยให้นักดำน้ำสามารถติดตามเวลาดำน้ำของตนได้ เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีนาฬิกาเรือนไหนที่สามารถกันน้ำลึกได้มากขนาดนี้ เพียงไม่นาน Rolex Submariner ก็ได้กลายเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักดำน้ำมืออาชีพอย่างรวดเร็ว และยังคงเป็นนาฬิกาที่โดดเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Rolex จนถึงทุกวันนี้

อีกไม่กี่ปีต่อมา ซึ่งก็คือปี 1955 Rolex เริ่มผลิตนาฬิกา GMT-Master ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการบินทางไกลที่สามารถแสดง 2 โซนเวลาพร้อมกันได้ นาฬิกานี้มีดีไซน์สวยงามและสามารถอ่านเวลาในโหมด GMT ได้อย่างง่ายดาย ออกแบบมาสำหรับนักบินที่ต้องการติดตามเวลาในส่วนต่าง ๆ ของโลก 

เรียกได้ว่าทั้ง Rolex Submariner และ Rolex GMT-Master ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและยังคงเป็นนาฬิกาที่ราคาสูงในวงการนาฬิกา โดยเฉพาะ Rolex Submariner ที่ยังคงเป็นไอคอนของนาฬิกาดำน้ำในยุคปัจจุบัน

ประวัตินาฬิกา Rolex ในยุคที่รุ่งเรืองยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะในปี 1960 Rolex ยังได้เปิดตัว Daytona ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับนักแข่งรถโดยเฉพาะ Daytona มีสเกลวัดอัตราเร็ว Tachymeter ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถวัดความเร็วในระยะทางที่กำหนดได้ นาฬิกาได้รับการตั้งชื่อตามสนามแข่งรถ Daytona International Speedway ในฟลอริดา ซึ่ง Rolex เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันที่สนามนี้

เส้นทางของ Rolex สู่การเป็นที่ 1 ในใจของผู้สวมใส่

สิ่งสำคัญที่เห็นได้จากนาฬิกาแต่ละเรือนของ Rolex ก็คือการเข้าใจผู้ที่สวมใส่ ซึ่ง Rolex มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในการผลิตนาฬิกาอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่สวมใส่ในทุก ๆ อาชีพ ซึ่งการพัฒนาแต่ละครั้งนั้นนำมาซึ่งเรื่องราวของ Rolex ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น ที่มาที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และแน่นอนว่าเส้นทางความสำเร็จของ Rolex ในการผลิตเรือนเวลาต่าง ๆ ยังมีอีกมากมาย ซึ่ง TimeThai ได้สรุปเป็นไทม์ไลน์สั้น ๆ มาให้ทุกคนได้อ่านแล้วด้านล่างนี้

1971: Rolex สร้าง Explorer II 

นาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับนักสำรวจถ้ำและนักสำรวจที่ต้องการติดตามเวลาในสภาพแวดล้อมที่มืด นาฬิกามีเข็มบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมงและลูกศรสีส้มสว่างที่ชี้ไปยังเวลาปัจจุบัน ซึ่งนาฬิการุ่นนี้เป็นเรือนเวลา Rolex ประวัติความเป็นมาที่โดดเด่นไม่แพ้รุ่นอื่น 

1985: Rolex เปิดตัว Oyster Perpetual Datejust 

นาฬิกาที่เปลี่ยนวันที่อัตโนมัติในเวลาเที่ยงคืน เป็น 1 ในรุ่นนาฬิกาที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราและเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนดังมากมาย

1992: Rolex เปิดตัว Yacht-Master

นาฬิกาที่ออกแบบมาเพื่อนักเดินเรือและผู้ที่ชื่นชอบการแล่นเรือ มีขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ซึ่งสามารถใช้จับเวลาการแข่งขันได้ ทั้งยังสามารถกันน้ำได้อีกด้วย 

2005: Rolex ฉลองครบรอบ 100 ปีและเปิดตัวขอบหน้าปัด Cerachrom 

ขอบหน้าปัดเซรามิกป้องกันรอยขีดข่วนที่ใช้กับนาฬิกาหลายรุ่น กรอบมีให้เลือกหลากหลายสีและขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและความคมชัด ซึ่งปีนี้สามารถตอกย้ำเรื่องราวของ Rolex ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่โดดเด่นตลอด 100 ปีที่ผ่านมาได้อย่างดี

2012: Rolex เปิดตัว Sky-Dweller 

นาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับผู้เดินทางบ่อยที่ต้องการติดตามเวลาในเขตเวลาต่าง ๆ มีการแสดงสองโซนเวลาและปฏิทินประจำปีที่ปรับตามจำนวนวันในแต่ละเดือนโดยอัตโนมัติ

2014: Rolex เปิดตัว Cellini 

Collection นาฬิกาที่มีดีไซน์หรูหราและประณีต ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 รุ่น ได้แก่ Cellini Time, Cellini Date และ Cellini Dual Time

2020: Rolex เปิดตัว Submariner รุ่นใหม่

มาพร้อมตัวเรือนขนาด 41 มม. ใหม่และการออกแบบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ตัวนาฬิกาขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3235 ซึ่งเป็นกลไกไขลานอัตโนมัติที่สำรองพลังงานได้ประมาณ 70 ชั่วโมง ซึ่งในปีเดียวกันนี้ ROLEX เลิกผลิต Submariner รุ่นเก่าทั้งหมด

2021: Rolex เปิดตัว Explorer 

นาฬิกาที่ได้รับการปรับปรุงด้วยกลไกการทำงานใหม่ที่ให้ความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือที่ดียิ่งขึ้น มีตัวเรือนขนาด 36 มม. ที่ทำจาก Oystersteel และหน้าปัดสีดำพร้อมตัวระบุชั่วโมงที่อ่านค่าได้ง่าย และเข็มเคลือบด้วย Chromalight

ถึงแม้ประวัตินาฬิกา Rolex แต่ละเรือนจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์ได้ แต่ก็มีบางโมเดลของเรือนเวลา Rolex ประวัติที่โดดเด่นบางเรือนที่ทาง Rolex ได้มีการยกเลิกการผลิตไป เพื่อทำการปรับปรุงกลไกและโครงสร้างให้มีความทันสมัยมากขึ้น และแทนที่ด้วยโมเดลใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเก่า ซึ่งจะมีรุ่นไหนที่เลิกผลิตไปแล้วบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย

ปีที่เลิกผลิต รุ่น
2008 Rolex Datejust Thunderbird
2010 Rolex Explorer II 16570 
2011 Rolex Sea-Dweller 16600 
2015 Rolex Day-Date II 
2016 Rolex Daytona 116520
2017 Rolex Submariner Date 116610LV “Hulk”
2019 Rolex GMT-Master II 116710BLNR “Batman” 
2020 Rolex Yacht-Master 116622 
2021 Rolex GMT Master II Pepsi 126710BLRO, Rolex Air-King 116900, 

Rolex Explorer II Black & White 216570, Rolex Air-King 116900, 

Rolex Milgauss 116400GV, Rolex Explorer 214270

2022 Rolex Oyster Perpetual 124300 & 126000 & 277200, Rolex Deepsea 126660, Rolex Day-Date 40 platinum 228206, Rolex Cellini Time 50505 / 50509, Rolex Cellini Date 50519 / 50515

2023

Rolex Daytona 116508, Rolex Daytona Bright Blue 116509, Rolex Milgauss 116400GV, Rolex Cellini Moonphase 50535, Rolex Daytona Meteorite Dial (116505, 116508, 116509, 116515LN, 116518LN, 116519LN), Rolex Datejust 41 Meteorite Dial (126301, 126331, 126334, 126303, 126333, 126334

ด้วยความมุ่งมั่นของ Rolex ในด้านคุณภาพและนวัตกรรมทำให้ Rolex เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่โดดเด่นที่สุดในโลก ตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของตัวเรือน Oyster และกลไก Perpetual ไปจนถึงยุคใหม่ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าได้เรื่องราวของ Rolex ประวัติของเรือนเวลาแต่ละเรือนนั้นสร้างมาตรฐานสำหรับการเป็นแบรนด์นาฬิกาสุดหรูได้อย่างต่อเนื่อง 

หลังจากที่ได้รู้ถึงประวัติ Rolex เรื่องราวของ Rolex ประวัติแบรนด์เนมหรูจากแบรนด์เล็ก ๆ แบบเจาะลึก รวมถึงประวัตินาฬิกา Rolex ที่สร้างชื่อให้แบรนด์โด่งดังกันไปแล้ว หากคุณต้องการลงทุนในนาฬิกาโรเล็กซ์มือสอง ที่ TimeThai แหล่งขายนาฬิกามือสองของเรา พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุน Rolex เพื่อให้คุณได้กำไรสูงสุด